รฟม.เตรียมสรุป PPP สายสีส้มตะวันตก 1.09 แสนล้าน ชงเปิดสัมปทานก่อสร้างและเดินรถเบ็ดเสร็จ

รฟม.สรุปการศึกษาแผนร่วมลงทุนรถไฟฟ้าสายสีส้ม(ตะวันตก) ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนท์ ใน พ.ค.นี้ เพื่อเสนอบอร์ด พิจารณา พร้อมประเมิน จำนวนผู้โดยสารใหม่ ให้เป็นปัจจุบันภายใต้ปัจจัยโครงข่ายสนับสนุน เช่นการเปิดเดินรถ คาดรูปแบบ ใช้ PPP Net Cost รับสัมปทานก่อสร้างด้านตะวันตกและเดินรถตลอดสาย จากบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒน์ฯ-มีนบุรี 

  นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ  ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า  คาดว่าจะสรุปผลการศึกษาแผนการร่วมทุน (PPP)โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันตก) ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์ วงเงินลงทุน 109,342 ล้านบาทและนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม.ได้ในเดือนพ.ค. เพื่อเห็นชอบในการก่อสร้างงานโยธา วงเงินค่าก่อสร้าง 85,288.54 ล้านบาท พร้อมแผนการร่วมทุน (PPP) การเดินรถสายสีส้มทั้ง ช่วงตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี ) และสีส้มตะวันตก

  โดนขณะนี้ อยู่ระหว่างการปรับปรุงรายละเอียดโครงการใหม่ เข่นตัวเลขผู้โดยสาร และตัวเลขด้านการเงิน เนื่องจากสมมติฐานด้านการเงินที่ รฟม.ใช้ประเมินโครงการ เป็นฐานเดิมเมื่อ 10 ปีก่อน และขณะนี้กระทรวงการ คลังได้ประสานให้ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ช่วยศึกษาสมมติฐานทางการเงินใหม่ อีกด้วย

 

สำหรับจำนวนผู้โดยสาร ก่อนหน้านี้ได้ทำการประเมินว่า เมื่อเปิดบริการรถไฟฟ้าสีส้มทั้งสายทางจะมีผู้โดยสารปีแรกที่ 3 แสนคนต่อวัน  แต่ประสบการณ์จากการเปิดบริการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน ซึ่งจำนวนผู้โดยสารไม่เป็นไปตามคาดการณ์ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งเนื่องจากระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงยังไม่เปิดให้บริการตามแผนเดิม ทำให้ต้องทบทวนการคาดการณ์ตัวเลขผู้โดยสารสายสีส้มใหม่เพื่อให้เป็นปัจจุบันมากที่สุด

  สำหรับแผนร่วมทุน PPP งานเดินรถนั้น มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็น PPP ประเภท Net Cost คือ การให้เอกชนลงทุน บริหารโครงการ จัดเก็บรายได้ และแบ่งรายได้ให้รัฐ เนื่องจากภาคเอกชนจะมีศักยภาพด้านการลงทุน และสามารถรับความเสี่ยงได้มากกว่ารัฐ ซึ่งจะทำให้การลงทุนรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกจะมี ผู้รับงาน 1 ราย รับผิดชอบทั้งงานโยธา วางระบบ จัดหารถไฟฟ้า และเดินรถทั้งสายทาง (ส้มตะวันออกและตะวันตก) 

ซึ่งจะเป็นรูปแบบเดียวกับโครงการลงทุนรถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง โดย รฟม.จะให้การอุดหนุนไม่เกินมูลค่างานโยธา ดังนั้นหากเอกชนรายใดเสนอขอรับการอุดหนุนน้อยที่สุดก็จะเป็นผู้ได้รับงานไป

“ หากที่ประชุมบอร์ดอนุมัติ ขั้นตอนต่อไป รฟม.จะเสนอนำแผนการลงทุนไปยังกระทรวงคมนาคม ซึ่งมีเวลาพิจารณา 60 วัน จากนั้นจะเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อเสนอคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการ PPP) พิจารณา โดยโครงการนี้อยู่ในแผนการลงทุนตามมาตรการเร่งรัดโครงการร่วมลงทุนระหว่างกิจการในรัฐกับเอกชน (PPP Fast Track) ด้วย

 

ความคิดเห็น