ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก ช่วยได้แค่ไหน
คำถามที่คนมีบุตรยากหลายคนอยากรู้ก็คือ “ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก ช่วยได้แค่ไหน” ซึ่งเรื่องนี้ต้องอธิบายหลายส่วนด้วยกัน เพราะโอกาสที่จะมีบุตรได้ในคนที่มีบุตรยาก ก็ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน แม้ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากจะช่วยเพิ่มโอกาสการมีบุตรด้วยก็จริง แต่ปัจจัยเหล่านั้นก็มีส่วนในการรักษาเหล่านั้น
อธิบายเบื้องต้นเกี่ยวกับโอกาสการมีบุตร
ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก เป็นสถานพยาบาลที่ให้บริการเกี่ยวกับการรักษาภาวะผู้มีบุตรยาก แต่การรักษานั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเห็นผล 100% เพราะศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก ช่วยในเรื่องของการ “เพิ่มโอกาส” เท่านั้น กล่าวคือในผู้มีบุตรยากทั้งหลาย ถ้าหากเข้ารับการรักษาที่ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก ก็จะมีโอกาสเพิ่มขึ้นที่จะมีบุตรได้สำเร็จ แต่โอกาสที่เพิ่มขึ้น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสำเร็จ 100% ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง
การรักษาที่สำเร็จขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง?
สำหรับผู้ที่สงสัยว่าศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก ช่วยได้แค่ไหน อยากให้มาดูายละเอียดส่วนนี้ ซึ่งจะอธิบายว่าการรักษาที่สำเร็จขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง ดังนี้
1.ขึ้นอยู่กับวิธีการรักษา
การรักษาภาวะผู้มีบุตรยาก เพื่อเพิ่มโอกาสการมีบุตรที่สำเร็จ มีหลายวิธีด้วยกัน และในแต่ละวิธีการรักษาก็มีวิธีการที่แตกต่างกันออกไป แน่นอนว่าความแตกต่างเหล่านั้น ย่อมส่งผลต่ออัตราความสำเร็จ วิธีการรักษาที่เพิ่มโอกาสให้น้อยที่สุดก็คือการทำ IUI แต่ถ้าหากต้องการเพิ่มโอกาสที่สูงขึ้น ก็จะต้องเปลี่ยนไปทำเด็กหลอดแก้ว ที่จะมีอัตราความสำเร็จสูงกว่า เพิ่มโอกาสการมีบุตรที่สำเร็จได้มากกว่า อธิบายการรักษาแต่ละวิธี ดังนี้
การทำ IUI
การทำ IUI เป็นการฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก เหมาะกับคนที่มีปัญหาไม่สามารถมีบุตรเองได้ตามธรรมชาติ แต่เป็นปัญหาในระดับที่ไม่รุนแรง ซึ่งเทคโนโลยีนี้ยังคงเป็นการปฏิสนธิภายในร่างกาย ใกล้เคียงกับการผสมโดยธรรมชาติมากที่สุด
สาเหตุที่การทำ IUI เพิ่มโอกาสการมีบุตรได้น้อยที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับการรักษาวิธีอื่น ก็เพราะว่าวิธีรักษานี้ยังเป็นการปฏิสนธิภายในร่างกาย ซึ่งผู้เข้ารับการรักษาจะต้องมีสุขภาพด้านระบบสืบพันธุ์ที่เกือบสมบูรณ์ หรือถ้าหากมีปัญหาก็จะต้องเป็นปัญหาที่ไม่รุนแรง เช่น ถ้าหากมีปัญหาท่อนำไข่ตีบหรือตันก็ต้องมีปัญหาเพียงข้างเดียว ท่อนำไข่อีกข้างต้องยังใช้งานได้ปกติ แต่ในคนที่มีปัญหามากหรือมีระดับที่รุนแรง จะไม่สามารถทำ IUI แล้วตั้งครรภ์ได้สำเร็จ เช่น ผู้ที่มีท่อนำไข่ตีบตันทั้ง 2 ข้าง เป็นต้น
การทำ IVF
การทำ IVF เป็นการทำเด็กหลอดแก้ว โดยการนำเอาเซลล์ไข่และสเปิร์มออกมาปฏิสนธิภายนอกร่างกาย ภายใต้การควบคุมคุณภาพของนักวิทยาศาสตร์ด้านการเพาะเลี้ยงตัวอ่อน กระทั่งได้ตัวอ่อนที่แข็งแรงและสมบูรณ์ออกมา จากนั้นจะทำการย้ายตัวอ่อนไปฝังตัวที่มดลูก เพื่อเจริญเป็นทารกในครรภ์ต่อไป
หลักการสำคัญคือการคัดเลือกอสุจิที่แข็งแรงออกมาจำนวนหนึ่ง เพื่อผสมกับเซลล์ไข่ ให้กลายเป็นตัวอ่อน ทำให้อัตราความสำเร็จของการทำ IVF นั้นสูงกว่าการทำ IUI เพราะเป็นการปฏิสนธิภายนอก ที่ถึงแม้ร่างกายของคนไข้จะมีปัญหาในระดับที่รุนแรง เช่น ท่อนำไข่ตีบหรือตันทั้ง 2 ข้าง ก็ยังมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้ เพราะการปฏิสนธิภายนอก ไม่ต้องอาศัยท่อนำไข่ แต่ถึงอย่างนั้นการทำ IVF ก็ยังมีอัตราความสำเร็จต่ำกว่าการทำ ICSI
การทำอิ๊กซี่ (ICSI)
การทำอิ๊กซี่ หรือ ICSI เป็นเทคโนโลยีช่วยเพิ่มโอกาสมีบุตรจากการทำเด็กหลอดแก้วเช่นกัน แต่จะแตกต่างกับ IVF ในขั้นตอนการคัดเลือกเซลล์อสุจิ ซึ่งการทำ IVF จะคัดเลือกอสุจิที่แข็งแรงมาจำนวนหนึ่งเพื่อผสมกับเซลล์ไข่ แต่การทำอิ๊กซี่จะคัดเลือกเซลล์อสุจิที่แข็งแรงที่สุดเพียงตัวเดียวต่อไข่ 1 ใบ และนำมาปฏิสนธิกับไข่ภายนอกร่างกาย ภายใต้การควบคุมคุณภาพของนักวิทยาศาสตร์ด้านการเพาะเลี้ยงตัวอ่อน กระทั่งได้ตัวอ่อนที่แข็งแรงและสมบูรณ์ออกมา จากนั้นจะทำการย้ายตัวอ่อนไปฝังตัวที่มดลูก เพื่อเจริญเป็นทารกในครรภ์ต่อไป
การทำ ICSI จะมีอัตราความสำเร็จสูงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับการทำ IUI และการทำ IVF เพราะเป็นการปฏิสนธิภายนอกร่างกาย และหลักการสำคัญคือการคัดเลือกเซลล์อสุจิที่แข็งแรงที่สุดเพียงตัวเดียวต่อไข่ 1 ใบ ซึ่งจะเฉพาะเจาะจงมากกว่าการทำ IVF จึงมีอัตราความสำเร็จที่สูงกว่า และมักเป็นวิธีที่คนไข้เลือก หลังจากที่ผู้เข้ารับการรักษาด้วยการทำ IVF แล้วไม่สำเร็จ
2.ขึ้นอยู่กับอายุผู้เข้ารับการรักษา
ปัจจัยสำคัญประการถัดมาก็คืออายุของผู้เข้ารับการรักษา แม้ว่าศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก จะช่วยเพิ่มโอกาสการมีบุตรได้ในระดับหนึ่ง และมีผู้ที่อายุมากเข้ามาใช้บริการแล้วเห็นผล แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะถ้าหากอายุมากเกินไป ก็ยากที่จะสำเร็จเช่นกัน อย่างในคนไข้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไป จะมีโอกาสค่อนข้างต่ำที่จะมีบุตรได้สำเร็จ แม้ว่าจะเข้ารับการรักษาที่ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก แต่ถึงอย่างนั้นก็สามารถเข้าไปปรึกษาแพทย์ได้ โดยแพทย์จะพิจารณาเป็นกรณีไป
3.ขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้เข้ารับการรักษา
สุดท้ายอีกหนึ่งปัจจัยก็คือสุขภาพของคนไข้เอง แม้ว่าอาจจะมีอายุไม่มาก แต่มีปัญหาบางอย่างในระบบสืบพันธุ์ที่ทำให้มีบุตรยาก และถ้าหากมีปัญหาในระดับที่รุนแรงมาก ก็ทำการรักษาได้ยาก เช่น ในผู้ชายที่มีอสุจิน้อยมากๆ และอสุจิอ่อนแอ แม้ว่าจะใช้วิธีการทำ ICSI เพื่อคัดเลือกอสุจิที่แข็งแรงที่สุดมาผสม แต่หากแข็งแรงที่สุดของคนไข้แล้วก็ยังอ่อนแออยู่ โอกาสมีบุตรได้สำเร็จก็น้อยลงไปด้วย