7 นวัตกรรมที่จะทำให้บ้านกลายเป็น Smart Home เทคโนโลยีใหม่ๆ จากงาน CES 2018

 

ปี 2018 แล้ว ก็ได้เวลาอัปเดตเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ของแต่ละบริษัท แน่นอนว่า KobKid.com จะไม่ยอมตกเทรนด์เทคโนโลยีที่กำลังมาแรงแบบนี้แน่ๆ ซึ่งเทรนด์ที่จะนำเสนอ เป็นเทคโนโลยีในงาน CES (Consumer Electronics Show) มหกรรมเทคโนโลยีสุดล้ำ จัดขึ้นทุกๆ ต้นปี ที่ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ไปดู 7 สิ่งมหัศจรรย์ ที่จะทำให้เราหลงใหลและเพลิดเพลินไปกับนวัตกรรมในอนาคตกัน

 

 

ห้องครัว Wireless อเนกประสงค์

บ้านทั้งบ้านจะกลายเป็นสมาร์ทโฮมแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งหนึ่งในเทคโนโลยีที่จะถูกปล่อยออกมา คงหนีไม่พ้นการพัฒนาห้องครัวแบบ wireless kitchen โดยบริษัท Urbaneer ได้ออกแบบห้องครัว โดยให้เคาน์เตอร์มีฟังก์ชั่น wireless power แบบ built in ประโยชน์ของ wireless power คือ ผู้ใช้สามารถชาร์จทุกสิ่งทุกอย่างได้ เพียงแค่วางอุปกรณ์หรือเครื่องมือ อย่างสมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ค แท็บเลท แลปท๊อป หรืออุปกรณ์ครัวอย่าง เครื่องปั่น หม้อหุงข้าว เครื่องชงกาแฟหรือเครื่องปิ้งขนมปัง

 

 

สิ่งเหล่านี้สามารถชาร์จได้โดยตรงจาก Wireless power ที่ built in ทั้งบนโต๊ะและบนเคาน์เตอร์ได้เลย นอกจากเคาน์เตอร์และโต๊ะจะทำอาหารได้ ยังใช้ทำงาน หรือแม้กระทั่งใช้ชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย ทั้งประหยัดพื้นที่ ประหยัดเงิน ไม่ต้องซื้อสายชาร์จบ่อยๆ ประหยัดเวลาไม่ต้องไปหยิบที่ชาร์จจากมุมอื่นๆ

 

 

แถมยังมีล้อเลื่อนที่ขาโต๊ะ เพิ่มความยืดหยุ่นของการใช้สอยในพื้นที่จำกัด หากเทคโนโลยีนี้สามารถใช้ในห้องครัวได้แล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะขยายไปใช้ได้ทั้งบ้าน คำว่า สมาร์ทโฮม คงไม่ใช่เรื่องยากนัก สำหรับการชาร์จไร้สายแบบนี้

 

 

เครื่องพับผ้าอัจฉริยะ จัดการกับผ้ากองโตใน 4 นาที

 

 

นวัตกรรมที่ตอบโจทย์แม่บ้านและผู้อยู่อาศัยที่พักคนเดียวและชอบซักผ้าเอง หรือมีความขี้เกียจและไม่มีเวลาในการพับผ้า ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เครื่องพับผ้าได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว เป็นเครื่องผับผ้าอัจฉริยะ 2 รุ่น คือ รุ่น Foldimate สำหรับรุ่นนี้ต้องใส่เสื้อผ้าไปทีละชิ้น แตกต่างจากรุ่น Laundroid ช่วยดูแลการพับผ้าทุกขั้นตอน

 

โดยบริษัทผู้พัฒนาได้กล่าวว่า เครื่องนี้สามารถพับผ้ากองโตได้ภายใน 4 นาทีเท่านั้น สะดวกสบายเหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่อยากเอาเวลาในการพับผ้าไปหาประสบการณ์นอกห้องสี่เหลี่ยมอย่างมาก ทั้งยังตอบโจทย์ครอบครัวขนาดใหญ่ท่ีมีสมาชิกภายในบ้านเยอะ เครื่องพับผ้านี้จะช่วยประหยัดเวลาทำงานบ้านให้เราได้อีกด้วย

 

 

 

 

แม้แต่ชักโครกยังเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต

Kohler ได้พัฒนาสุขภัณฑ์ให้ล้ำและทันสมัยอยู่เสมอ รวมถึงรุ่น Numi ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและสั่งการด้วยเสียงได้แล้ว โดยสามารถสั่งการให้ผู้ช่วยอัจฉริยะในบ้าน ทั้ง Alexa ของ Amazon, Google Assistant และ Siri ของ Apple ให้ช่วยเปิดปิดอัตโนมัติ ช่วยอุ่นเท้าให้อบอุ่น หรือปรับอุณหภูมิชักโครกให้พอดี ยกฝาโถส้วม ตั้งระบบเสียงชักโครก ตั้งค่าระบบฉีดน้ำในระดับที่ต้องการ รวมไปถึงเปิดบทเพลงคลอระหว่างทำธุระส่วนตัว

 

 

 

แถมยังตรวจสอบการใช้น้ำได้อีกด้วย และสะดวกสบายที่สุดกับรีโมตแบบทัชสกรีน แต่สิ่งทียังขาดในชักโครกรุ่นนี้ คือ ยังไม่มีระบบช่วยกดชักโครกนั่นเอง เวลาเข้าห้องน้ำแทบไม่ต้องพกอะไรเข้าไปเลย เพียงแค่สั่งการด้วยเสียงกับรีโมตแบบทัชสกรีนก็ทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำได้อย่างสบายใจ มือก็ไม่ต้องจับหรือโดนชักโครก เพราะทุกสิ่งพร้อมอำนวยความสะดวกสบายให้กับคุณแล้ว

 

 

 

 

 

โทรทัศน์ของ LG หรือกระดาษ ม้วนได้ดีกว่ากัน

LG ปล่อยโทรทัศน์ม้วนได้ หน้าจอ OLED ความคมชัดระดับ 8K ขนาด 88 นิ้ว ดีไซน์บางเฉียบ สามารถม้วนได้ราวกับกระดาษ หน้าจออ่อนเหมือนกับ Projector สามารถซ่อนหน้าจอทีวีหรือปรับเปลี่ยนขนาดหน้าจอได้ตามต้องการ โดยหน้าจอคมชัดระดับ 8K จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในการถ่ายทอดสดกีฬาโอลิมปิกปี 2020 ประเทศญี่ปุ่น

 

 

 

 

กระจกเป็นได้มากกว่าที่ส่อง

นวัตกรรมใหม่ของกระจกที่ HiMirror นำมาเสนอคือ กระจกที่มีระบบ AI ความน่าสนใจอยู่ที่เรามาสามารถสั่งการด้วยเสียงได้จาก Alexa ของ Amazon ทั้งยังเป็นที่ปรึกษาทางด้านผิวพรรณได้ ทั้งวิเคราะห์สภาพผิว ติดตามการใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ต่างๆ รวมไปถึงบันทึกประวัติสกินแคร์ที่เคยใช้ กระจกนี้มีทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน คือ รุ่น HiMirror มีคุณสมบัติตามที่กล่าวมาข้างต้น

 

 

ส่วนรุ่น HiMirror Plus นอกจากจะเป็นที่ปรึกษาด้านผิวพรรณแล้ว ไฟของกระจกยังสามารถปรับได้ถึง 5 แบบ บันทึกประวัติผู้ใช้งานได้ไม่เกิน 6 คน มีหน่วยความจำสำหรับจัดเก็บมากขึ้น และเชื่อมต่อ wifi ได้ สำหรับรุ่นสุดท้ายคือ HiMirror Plus+ มีคุณสมบัติเหมือนรุ่น Plus ทุกอย่าง เพียงแต่เพิ่มการทำงานด้วยคำสั่งเสียงเข้ามาด้วย ความพิเศษอยู่ที่ กระจกนี้สามารถเปิดเพลง ติดตามข่าวสารบนอินเทอร์เน็ต ลงคลิปใน Youtube หรือโซเชียลมีเดียอื่นๆ ได้

 

 

นอกจากเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องใช้ในบ้านต่างๆ แล้ว ใครจะไปคิดว่ากระจกจะถูกพัฒนาให้สามารถสั่งการด้วยเสียงได้ ท่องโลกบนอินเทอร์เน็ตได้ แถมยังช่วยดูแลผิวหน้าของเราได้อีก ถือว่าเป็นการพัฒนาสิ่งรอบตัวได้อย่างมีประโยชน์ สร้างสรรค์ และสามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันอย่างมาก

 

 

 

 

Smart Car ล้ำกว่าไร้คนขับคือเคลื่อนที่ไปขายของได้แบบอัตโนมัติ

 

 

เห็นได้ชัดว่าหลายค่ายกำลังเร่งพัฒนารถยนต์ให้ไร้คนขับ วงการรถยนต์แข่งขันกันอย่างดุเดือด แต่ Toyota กำลังก้าวนำหน้าค่ายอื่นๆ ไป จากแนวคิด E-Palette รถโดยสารอัจฉริยะ เป็นได้ทั้งรถขนส่งสาธารณะเคลื่อนที่อัตโนมัติ และเป็นแพลตฟอร์มให้ธุรกิจอื่นๆ เข้ามาดัดแปลงเป็นรถบริการสินค้าได้ตามที่ต้องการ เช่น รถขายรองเท้าเคลื่อนที่ รถขายสมาร์ทโฟนเคลื่อนที่ โดยตัวอย่างแรกจะเป็นรถขนส่งพิซซ่าเคลื่อนที่ จาก Pizza Hut เราอาจได้เห็นรถยนต์พิซซ่ามาวิ่งบนท้องถนนในปี 2020

 

 

 

 

 

 

บริการส่งถึงบ้าน แต่คนรับไม่จำเป็นต้องอยู่บ้าน

ฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา Walmart และ Amazon ได้กระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวในวงการบริการจัดส่งสินค้าถึงที่บ้าน โดยใช้สมาร์ทล็อกและกล้องรักษาความปลอดภัย เพื่อให้ผู้ส่งของสามารถเข้าไปในบ้านของคุณได้ในขณะที่มอนิเตอร์จะทำการตรวจสอบและยืนยันระยะไกล ผ่านแอปพลิเคชัน หายห่วงทั้งผู้ส่งและผู้รับ

 

 

ในงาน CES  August บริษัทหลักที่ผลิตสมาร์ทล็อก ได้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ Walmart สำหรับการบริการจัดส่งถึงบ้านเปิดให้บริการแล้ว (เรียกว่า August Access) แม้ว่าลูกค้าจะกังวลเรื่องความปลอดภัย แต่ August ก็ได้คิดค้นหาวิธีการแก้ไข ด้วย BoxLock Home เป็นตัวล็อกที่เชื่อมต่อด้วยอินเทอร์เน็ตเข้าโดยตรงกับผู้จัดส่งและผู้รับ ล็อกทำขึ้นมาพิเศษ จะมีตัวสแกนบาร์โค้ดสินค้าอยู่ จะปลดล็อกได้ก็ต่อเมื่อนำสินค้ามาสแกนกับบาร์โค้ด เมื่อตรวจสอบสินค้าและสินค้าถูกต้อง จะได้รับการยืนยัน ตัวล็อกจะปลดออก ผู้จัดส่งจะนำของใส่ไว้ในกล่องหรือในที่ๆ ผู้รับต้องการ จากนั้นทำการปิดเหมือนเดิม เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

 

 

 

นี่คือ 7 นวัตกรรมที่น่าสนใจและต้องจับตามองอย่างมาก เพราะสิ่งต่างๆ ที่กำลังพัฒนา ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งรอบตัวและจำเป็นต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์อย่างมาก ท่ามกลางสมรภูมิการพัฒนาเทคโนโลยีในทุกวงการ ไม่ใช่แค่ผู้ผลิตที่ต้องให้ความสำคัญ ผู้ใช้เองก็ต้องใส่ใจและตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เช่นกัน เพราะเทคโนโลยียิ่งล้ำมาก ผู้คนยิ่งสบายมาก อุปกรณ์ยิ่งอำนวยความสะดวกได้มาก เราก็ยิ่งละเลยคนรอบตัวและใช้เวลาหมกมุ่นอยู่กับเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น อย่าลืมปรับตัวและดึงประโยชน์ของเทคโนโลยีมาใช้ให้ได้มากที่สุด อย่าปล่อยให้เทคโนโลยีมาควบคุมการใช้ชีวิตของเรา  

 

 

ที่มา : aripfan.comhitech.sanook.comgetboxlock.comhimirror.comurbaneerspaces.com

 

 

 

 

ความคิดเห็น